เป็นตอนเกือบสุดท้ายของเรื่องความผิดฐานหมิ่นประมาทและการดูหมิ่นแล้ว คือเรื่องของบทยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ
1 การยกเว้นความผิดคืออะไร? หรือทำอย่างไรจึงไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท?
คำตอบของคำถามที่ว่าทำอย่างไรจึงจะไม่ผิดหมิ่นประมาท ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือทำให้เข้าบทยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทครับ
การยกเว้นความผิดจะเป็นบทที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าการกระทำของเราจะเข้าองค์ประกอบของความผิดซึ่งในที่นี่คือความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาก็ตาม แต่กฎหมายยกเว้นไว้ว่าบางกรณีการกระทำที่เข้าองค์ประกอบดังกล่าวนั้น กฎหมายไม่ถือเป็นความผิด จึงยกเว้นความผิดให้ผลก็คือ เราก็จะไม่เป็นผู้ที่มีความผิดเสมือนว่าไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อนนั่นเอง ซึ่งในเรื่องความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทธรรมดาหรือการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น กฎหมายได้กำหนดบทยกเว้นความผิดไว้ในมาตรา 329 และมาตรา 331 มาดูตัวบทกันก่อน
“มาตรา ๓๒๙ ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท”
“มาตรา ๓๓๑ คู่ความหรือทนายความของคู่ความ ซึ่งแสดงความคิดเห็น หรือข้อความในกระบวนการพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท”
จากบทความที่แล้วนั้นเราได้กล่าวไปแล้วว่าการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นกฎหมายไม่สนใจความจริงหรือไม่จริงของเรื่อง ดังนั้นทำให้การพูดความจริงแต่เป็นการลดคุณค่าของผู้อื่นลงก็อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ แต่อย่างไรก็ดี ถ้าการพูดความจริงนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความจริงโดยสุจริต ซึ่งสำหรับมาตรานี้พิจารณาโดยดูจากว่าสุจริตหรือไม่ ถ้าสุจริตกฎหมายก็ยกเว้นไว้โดยไม่ถือเป็นความผิดนั่นเอง ทำให้ผู้กระทำไม่มีความผิดในฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นหรือหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตนั้นกฎหมายได้กำหนดไว้ในมาตรา 329 มี 4 เรื่องด้วยกันได้แก่
อนุมาตรา 1 เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
อนุมาตรานี้ที่ใช้กันบ่อยสุดก็คือเป็นการกระทำตามเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญครับ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพเหล่านี้จะทำไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี ถ้าพูดถึงเสรีภาพให้เรานึกถึงเราใส่ห่วงยางกลมๆไว้ที่เอวครับ หมายความว่าเสรีภาพเราไม่จำกัดแต่ถ้าเสรีภาพของเราไปกระทบกับสิทธิของผู้อื่นเสรีภาพของเราก็จะถูกจำกัดได้ เหมือนห่วงยางครับ ถ้าไปชนกับห่วงยางของคนอื่นเราก็จะกระเด้งออกมาไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพของเราจนไปกระทบสิทธิของผู้อื่นได้ครับ ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงกำหนดว่า เสรีภาพที่กำหนดไว้ว่าทุกคนมีสิทธินั้นสามารถจำกัดได้ถ้ามีกฎหมายออกมาบัญญัติห้ามไว้ครับ เราอยากให้คนเคารพสิทธิเสรีภาพของเรา เราก็ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ซึ่งกฎหมายก็คุ้มครองทุกคนเท่าเทียมกันครับ
อนุมาตรา 2 ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่
อนุมาตรานี้เพื่อเป็นการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานครับ เช่นการรายงานตามหน้าที่ที่ตนสืบสวนครับ
อนุมาตรา 3 ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ
อนุมาตรานี้เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญเช่นกันครับ โดยมากสื่อมักจะใช้อนุมาตรานี้กับอนุมาตรา 4 ครับ
อนุมาตรา 4 ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
อนุมาตรานี้จะเป็นพวกข่าวในชั้นศาลหรือในการประชุมครับ อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะอนุมาตรา 3 หรือ 4 นั้นหากจะใช้ข้อความนั้นต้องเป็นข้อความที่เป็นความจริง หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้บิดเบือนครับ สำหรับการพิจารณาคดีในศาลต้องไม่ใช่กรณีการพิจารณาคดีลับนะครับ
สำหรังเหตุยกเว้นความผิดตามมาตรา 331 นั้นตรงตัวครับจึงขอข้ามไปพูดถึงเรื่องเหตุยกเว้นโทษครับ
2 การยกเว้นโทษคืออะไร? หรือทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาท?
การยกเว้นโทษก็คือศาลจะพิพากษาว่าบุคคลที่กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นมีความผิดครับ แต่ไม่ต้องรับโทษไม่ติดคุกไม่ต้องเสียค่าปรับนั่นเองครับ
เหตุยกเว้นโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาท กฎหมายได้บัญญัติไว้ในมาตรา 330 ครับเรามาดูตัวบทกันก่อน
“มาตรา ๓๓๐ ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นการหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน”
สำหรับผู้ที่พูดความจริง ซึ่งความจริงนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แม้จะไม่สุจริตก็ตามก็จะยังเป็นเหตุยกเว้นโทษได้หากเข้าองค์ประกอบของมาตรานี้ครับ และถ้าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าเรื่องนั้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแล้วก็เป็นเหตุยกเว้นโทษตามมาตรานี้นะครับ
3 ขั้นตอนของคดีหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
3.1 ความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
เราได้กล่าวไปบ้างแล้วในบทความแรกๆว่าระหว่าคดีหมิ่นประมาทหรือหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้นเป็นความผิดอันยอมความได้ไม่ใช่ความผิดที่เป็นอาญาต่อแผ่นดิน ดังนั้นหากผู้เสียหายยินยอมไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไร โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายมักจะเรียกร้องเป็นเงิน ทรัพย์สินหรือให้กระทำการใดอันเป็นการขอโทษ หรือบางครั้งผู้กระทำความผิดมาขอขมาจนผู้เสียหายยินยอมถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความเองก็ได้ ดังนั้นหากสามารถที่จะตกลงกันยอมความกันได้ ก็จะเป็นเหตุให้คดีอาญาระงับกันได้ทุกเมื่อครับ นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่ผู้ที่กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จะยุติการดำเนินคดีในชั้นตำรวจหรือพนักงานสอบสวนได้ โดยที่ไม่ต้องมีคดีติดตัวครับ
3.2 ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
ความผิดฐานนี้กฎหมายอาญาไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นความผิดลหุทาครับ ดังนั้นไม่สามารถยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่เนื่องจากว่าเป็นความผิดลหุโทษ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้อำนาจพนักงานสอบสวนหรือตำรวจสามารถจะเปรียบเทียบปรับเพื่อให้คดีอาญาเลิกกันได้ ซึ่งผู้เสียหายและผู้ต้องหาจะต้องยินยอมด้วยเช่นกันจึงจะเปรียบเทียบปรับแล้วทำให้คดีอาญาระงับไปได้ครับ
3.3 หากมีการดำเนินคดีต่อไปผู้เสียหายสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง
ประมวลกฎหมายอาญาให้อำนาจศาลสั่งจำเลยทำอะไรได้บ้างถูกกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 332
“มาตรา ๓๓๒ ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง
(๑) ให้ยึดและทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
(๒) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยห้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา”
จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายสามารถขอให้ศาลทำลายวัตถุเช่นกระดาษ หรืออย่างอื่นที่มีข้อความหมิ่นประมาทได้ และยังขอให้ศาลสั่งให้จำเลยที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์ได้อีกด้วย แต่ว่าเฉพาะคำพิพากษาเท่านั้นนะครับ คำขออภัยประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้ให้อำนาจศาลในการสั่งไว้ครับ
แล้วที่ให้โฆษณาคำขออภัยต้องทำอย่างไร?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากฎหมายอาญานั้นมุ่งประสงค์ที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่ในหมวดความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเป็นการกำหนดให้อำนาจศาลในการสั่งอย่างอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากจำคุกหรือชำระค่าปรับครับ ดังนั้นสิ่งที่ผู้เสียหายมักเรียกร้องกันดังได้กล่าวไว้ข้างต้นเช่นเรียกเงินหรือทรัพย์สิน หรืออย่างอื่นเป็นการตกลงกันเองเพื่อให้ผู้เสียหายยอมความครับ ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหาย และการให้โฆษณาหรือจัดการตามสมควรเพื่อให้ชื่อเสียงของผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นกลับคืนดี เหล่านี้เป็นการเรียกร้องในทางแพ่งครับ ดังนั้นเรามาดูการหมิ่นประมาทในทางแพ่งขอยกไปตอนหน้านะครับ พร้อมกับเรื่องการจ้างทนายความในความผิดฐานหมิ่นประมาทธรรมดา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือค่าทนายความในความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณาด้วยครับ